วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

Japan Days 5 : เหนื่อยขาลาก ณ วัดทอง อาราชิยาม่า



           วันนี้ออกสายนิดหน่อย เนื่องจากเมื่อวานตอนขากลับที่พักนั้น นั่งรถบัสเลยป้ายสถานีเกียวโต แล้วก็กดลงตรงป้ายไหนสักที่  ตรงไหนสักที่ ที่ไม่มีสถานีรถไฟ และตอนนั้นก็ดึกมากรถบัสเที่ยวที่นั่งมาน่าจะเที่ยวสุดท้าย...คนซวยนี่มันซวยจริงๆ  เดินไปสักพักเจอป้อมยามของบริษัทอะไรสักอย่าง เลยเดินเข้าไปถาม เปิดกูเกิลแมพให้เค้าดูว่าเราอยากไปตรงไหน แต่เหมือนเขาก็งงๆ ทางเขารัวญี่ปุ่น ทางเราไทยคำอังกฤษคำ จะรู้เรื่องกันไหมเนี้ย แต่ลุงยามพยายามช่วยเรามาก มากจนพวกเราเกรงใจเลยยุติการถาม แล้วตัดสินใจเปิดแมพหาเส้นทางกลับที่พักด้วยการเดิน เดินไปตามตรอกมืดๆ อิเพื่อนก็โยนกล้องตัวแพงทรัพย์สินมีค่ามาให้เราถือ (กูจะโดนฆ่าชิงทรัพย์ไหมว่ะเนี้ย) ที่เกียวโตพอดึกแล้วเงียบมากๆ เดินไปมโนเรื่องร้ายๆ ไปเรื่อย จนเพื่อนคนนึงร้องเพลงปลุกขวัญกำลังใจขึ้นมาเบาๆ พอจะกินอะไรก็อยากแต่ข้าวหน้าเนื้อ~ ถามว่าเพราะอะไรก็เพราะเนื้อนุ่มๆ คิดจะลองซักทีก็ต้องข้าวหน้าเนื้อ ฮ๊า ฮ่า ฮา ฮา ต๊อง ต๊อง~” เพลงจากการ์ตูนคินิคุแมนจอมพลังนั้นเอง ใครอยากรู้ร้องยังไงไปหามาฟังเลย เพราะตอนอยู่ที่ญี่ปุ่นเพื่อนมันร้องจนติดหูมาก 5555  เวลาผ่านไปสักพัก คณะคนบ้าก็กลับมาถึงที่พักอย่างปลอดภัย แต่ปวดร้าวตามง่ามขาเป็นอย่างมาก

            และนั้นก็คือที่มาของการออกสาย  ทำให้พอลงมาจะกินข้าวเช้าฟรี เกือบทุกอย่างมันจะหมดแล้ววว เสียจายย  แต่ถึงเหลือติดก้นหม้อเราก็ขูดกินกัน เพราะมันอร่อยมาก โดยเฉพาะแกงกะหรี่ แทบจะเอาหม้อมาเลียเอาข้าวลงไปคลุกน้ำ ถ้าพนักงานไม่เอาหม้อไปเก็บซะก่อน (รีบตักจนไม่ได้ถ่ายรูปเลย)


            จากนั้นก็ไปขึ้นรถบัสที่เดิม หลังสถานีเกียวโต ไม่รู้ต้องไปรอป้ายไหน ง่ายสุดคือถามพนักงานแถวนั้น  พอขึ้นรถก็ให้ดูว่าถึงป้ายคินคะคุจิ ค่อยลง จากป้ายเดินย้อนลงมาหน่อยนึงจะเจอซอยให้เดินๆ ตามผู้คนไปเราก็จะเจอกับทางเข้าวัดทอง เรามาถึงที่นี่ประมาณ 10 โมงกว่าๆ มาถึงคนก็เยอะแล้วอ่า  แต่แค่ได้เห็นบรรยากาศก็...ให้ภาพบรรยายแทนละกันเนอะ  
แวะกินไอติมสักหน่อย
อร่อย!!! มีที่ตักให้ด้วย
มุ่งหน้าเดินต่อไปที่วัดทอง
วันนี้แดดดีมาก

ขนาดยังไม่ได้เข้าไปข้างใน บรรยากาศก็ดีแล้ว




ถึงทางเข้าวัดทองแล้ว
เข้าไปซื้อตั๋วกันก่อนน้า
ได้มาแล้ว 4 ใบ เหมือนยันต์กันผีเลย 5555
ในที่สุดก็ได้ยลโฉม สวยงามอร่ามตา



มวลมหาชนช่างเยอะอะไรเยี่ยงนี้ กว่าจะได้รูปทีมันช่างยายเย็นเหลือเกิน






ระหว่างทาง มีร้านขายพวกเครื่องราง โดนมา 1 อัน น่ารักมากๆ






เดินมาชมวิวมุมด้านบนกันบ้าง


           ก่อนออกจากวัดทองได้ตู้เซียมซีหยอดเหรียญ  เกือบจะหยอดผิดตู้ มันจะมี 2 ตู้ ตู้สีเหลืองคือภาษาญี่ปุ่นล้วน  ส่วนตู้สีแดงคือภาษาอังกฤษ  ดีนะเห็นฝรั่งไปหยอดตู้นั้นก่อน  หยอดไป 100 เยน ก็จะมีใบเล็กๆ หล่นมาให้ พออ่าน เอ๊ะ!! ทำไมมันดีจังว่ะ เริ่มระแวง หรือมันจะมีแต่เบอร์นี้ทั้งตู้  เพื่อนมันเลยวิ่งไปถามฝรั่งคนก่อนหน้าว่าได้อะไร(มั่นใจมากภาษาอังกฤษก็พูดไม่ได้) สรุปได้คนละเบอร์ รอดไป ไม่โดนหลอก 5555 และพวกเราก็จะไปต่อกันที่อาราชิยาม่า


ขอพรสักหน่อย ชีวิตการเดินทางจะได้ราบรื่น
เจ้าตู้เหลืองนี่จะได้เซียมซีเป็นภาษาญี่ปุ่น
ต่างชาติอย่างเราต้องมาหยอดตู้แดงนี่ จะได้เป็นภาษาอังกฤษ
ได้คำทำนายโชคดีมากๆ เย้ๆ
ก่อนออกแวะหยอดเจ้านี่มา อร่อยมากอ่า มันคือซุปข้าวโพดร้อนๆ กินตอนหนาวๆ ฟินนนน

           จากการเดินทางอันเชื่องช้าของเราทำให้กว่าจะถึงที่อาราชิยาม่าก็ปาไปบ่าย 2 ละ หลังจากกินข้าวเติมพลังหอยทากกันแล้ว เราก็ไปที่วัดเท็นริวจิ  ที่นี่จะมี 2 ราคา คือ ชนชั้นไม่ติดดิน(ได้เดินในอาคาร) กับชนชั้นติดดิน(เดินเลาะตามสวนรอบๆ อาคาร) ระดับเรามันก็ต้องเลือกแบบ...ถูกสุดแน่นอนอยู่แล้ว!!!  เอ้าไปชมกันโล้ดดดดดด
มาถึงอาราชิยาม่าแล้ว
เล็งหาร้านกินข้าว หิวมากกกก
ข้าวมาแล้วววว ซัดโฮกกกกกก
ที่นี่รถลากเยอะมาก
ร้านขายของข้างทางมีเยอะมากๆ
ทางเข้าวัดเท็นริวจิ
















            และอย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าที่นี่มืดเร็วมากๆ พอวนออกมาที่ป่าไผ่ ก็เกือบจะกลายเป็นป่าช้ามืดตื๊ดตื๋อ เราเลยรีบเดินเพื่อจะไปต่อกันที่สะพานรักสารสิน...ถุย... สะพานโทเก็ตสึเคียวตะหาก  แต่ช่วงขามันเชื่องช้า และไหนจะเจอร้านขายของฝาก(ที่แม่ฝากซื้อ)ดักเล่นงานตามไหล่ทางอีก...ทำให้พอไปถึงก็...มองไม่เห็นอะไรแล้ว T^T เดินทางกลับที่พักด้วยความช้ำใจ

ตอนนี้ยังไม่มืด แต่กว่าจะหลุดออกมาจากนี่ได้ แสงสว่างก็ได้จากเราไปซะแล้ว


แวะซื้อของกินตามไหล่ทางเรื่อยเปื่อย แต่อร่อยอ่ะ หวานไปนี๊ดดด

อร่อยยันโคน



----------------- จบการเดินทางในวันที่ 5 -----------------




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น