วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

Japan Days 7 : นั่งชินคันเซ็นต่อรถบัสไปดูฟูจิ




            วันสุดท้ายในเกียวโตแล้ว ตื่นแต่เช้ามืดรีบไปรอขึ้นชินคันเซ็นครั้งแรก (ตื่นเต้นๆ) ส่วนตั๋วเราซื้อ และจองที่นั่งไว้ตั้งแต่วันแรกที่สนามบินแล้ว  จากนั้นก็ลากกระเป๋าใบเขื่องขนาด 28 นิ้ว คนละใบออกจากที่พัก เวลารถไฟออก คือ 7.42 น. มาถึงเร็วไปหน่อยเลยเดินไปดูข้าวกล่อง ขนม ไปกินระหว่างทาง


ตั๋วชินคันเซน จากเกียวโตไปมิชิม่า

รูปชินคันเซ็นรูปเดียวที่ถ่ายทัน

ก็ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ จัดไป 2 กล่อง จริงๆอยากได้แบบกล่องรถไฟแต่หาไม่เจอ T^T

วิวภูเขาไฟฟูจิจากหน้าต่างชินคันเซ็น
            
            เรานั่งชินคันเซ็นไปลงที่สถานี Mishima  แล้วจะนั่งรถบัสต่อไปที่ คาวากุจิโกะ เพื่อประหยัดค่ารถ  แต่มันจะมีปัญหาอยู่ที่ชินคันเซ็นจะไปถึงสถานี Mishima  ตอน 09.55 น.  แล้วเวลารถบัสออกคือ 10.10 น. ทำให้มีเวลาแค่ 15 นาที เท่านั้น ในการหาสถานที่ที่รถบัสจอดอยู่  แต่จากที่หาข้อมูลมา สถานีจะไม่ใหญ่มากเลยคิดว่าคงหาที่ขึ้นรถได้ไม่ยากเท่าไหร่  พอชินคันเซ็นจอดปุ๊บ ก็รีบลากกระเป๋าเดินอย่างมั่นใจไปทางออก(ที่คิดว่าถูก) ปรากฏว่าออกผิดทางจ้าาาาา เอาแล้วง่ะ ดันมาออกฝั่งตรงข้าม จะเดินผ่าสถานีกลับไปทางเดิมก็ไม่มีตั๋วรถไฟแล้วด้วย  เลยเดินไปขอเจ้าหน้าที่สถานีว่าขอเดินกลับเข้าไปได้ไหมพอดีโง่...เอ้ย..ออกผิดฝั่ง(เหตุการณ์นี้ไม่ได้มีการสนทนาเกิดขึ้นเลย มีแต่ท่าทางล้วนๆ) ตอนแรกเจ้าหน้าที่ก็งงๆ สุดท้ายก็เปิดทางให้เราผ่านไป ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลา 10.05 น. แล้ว เลยเกิดเหตุการณ์ เอ๋วิ่งดิเอ๋!!! วิ่งกันชนิดหายใจทางผิวหนังกันเลยทีเดียว สุดท้ายก็ไปถึงรถบัสทันแบบเฉียดมากๆ โชคดีตรงที่ตั๋วรถบัสปริ้นแบบออนไลน์มาแล้ว ไม่ต้องเอา voucher ไปแลกเป็นตั๋วอีกที ไม่งั้นตกรถแน่นอน เพราะรถบัสที่นี่บอกออก 10.10 น. คือ 10.10 น. จริงๆ ดูนาฬิกา คือล้อหมุนเป๊ะมากๆ ไม่มีอิดออดใดๆ ทั้งสิ้น


วิวฟูจิจากกระจกรถบัส ใกล้จะถึงแล้ว

           จาก Mishima ไปคาวากุจิโกะ ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม. พอขึ้นนั่งปุ๊บก็ไปเฝ้าพระอินทร์กันทันที  หลังจากนั่งน้ำลายย้อยหัวกระทบกันไปมา ก็มาสะดุ้งตื่นแถวๆ สวนสนุกฟูจิคิว คงเพราะคนลงกันเยอะด้วย(แอบอยากแวะอ่า) แต่ทริปนี้เราไม่ได้แวะที่นี่กัน เสียดายยยย  พอถึงสถานีคาวากุจิโกะ อย่างแรกที่ทำคือไปซื้อตั๋ว และเอา Voucher รถบัสที่จะไปชินจูกุมาแลกเป็นตั๋ว  แถวซื้อตั๋วค่อนข้างยาวหน่อยๆ อยู่ที่นี่เราก็จะซื้อ Retro R coupon ( ใช้ขึ้นรถบัสที่คาวากุจิโกะได้ไม่จำกัด 2 วัน + นั่งเรือล่องทะเลสาบได้ 1 ครั้ง + นั่งกระเช้า ขึ้น-ลง ได้ 1 รอบ ) พอได้ตั๋วทุกอย่างมากำอยู่ในมือ ก็เดินทางไปเก็บกระเป๋าที่ที่พัก Plaza Inn Kawaguchiko (แอบมีฝนตกด้วยอ่า)  ที่พักเราที่นี่อยู่ไม่ไกลจากสถานีเท่าไหร่ คุณลุง(ไม่รู้เจ้าของไหม)ใจดีมาก พยายามชวนคุย ถามจะไปไหน เอาแผนที่เที่ยวมาเปิดกาง วงๆที่เที่ยวให้ น่ารักมากๆ  ส่วนห้องพักที่ได้เป็นแบบห้องญี่ปุ่นพักได้ 4 คน มีห้องน้ำในตัว ปูฟูกนอน พอเปิดหน้าต่างไปก็เห็นภูเขาไฟฟูจิ แต่ได้ห้องชั้น 2 เลยมีติดพวกสายไฟกับตัวบ้านด้านหน้า ในห้องก็มีพวกชาให้ชงดื่มด้วย และที่สำคัญมีชุดยูกาตะให้ใส่ด้วยอ่า            
เริ่มด้วยมุมประจำของหลายๆคน 

หน้าตึกที่พัก ของเราเข้าประตูซ้าย

            พอเก็บของเสร็จ แล้วฝนเริ่มหยุดตกเราก็รีบออกจากที่พักไปขึ้นรถเรโทรที่หน้าสถานีคาวากุจิโกะ ระหว่างเดินมาก็มองเห็นแถวอะไรยาว โอวแม่เจ้า!!! นั้นคือแถวต่อขึ้นรถเรโทรที่จะไปขึ้นกระเช้านั้นเอง แล้วเราก็มาลงที่ป้าย 10หรือ11 ไม่แน่ใจ แล้วเดินย้อนมาต่อแถวเพื่อขึ้นกระเช้า แถวก็ยาวมากอีกเช่นเคย โชคดีมากที่วันนี้ฟ้าเปิดทำให้ฟูจิซังออกมาทักทายอวดโฉมให้เรากดชัตเตอร์กันรัวๆ  ด้านบนก็จะเป็นจุดชมวิว และมีร้านขายของกิน ของที่ระลึกต่างๆ  
พาหนะที่เราใช้ช่วงที่อยู่ที่นี่
ต่อแถวเพื่อขึ้นกระเช้ากัน

เตรียมตั๋วให้พร้อม
หลังจากรอมานาน จะได้ขึ้นแล้วๆ
วิวมุมสูง
ใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว

ถึงแล้ว...ลานชมวิวน้อยๆ ด้านบน
สวยงามและยิ่งใหญ่จริงๆ





กินไปชมวิวไปด้วย ฟินนนนนน



ไอ้นี่อร่อยดี จัดมาอีกไม้
มีทางเดินชมธรรมชาติด้วย แต่เนื่องจากร่างกายอ่อนล้าเลยขอบาย
มีที่ให้เขวี้ยงกระเบื้องอะไรสักอย่าง จัดไป 1 ดอก

           สักพักเราก็รีบลงไปข้างล่างเพื่อที่จะไปขึ้นเรือล่องทะเลสาบ  ที่ขึ้นเรือก็อยู่เยื้องลงไปจากจุดขึ้นกระเช้าไม่ไกล พอขึ้นเรือมาทุกคนดูเหมือนจะขึ้นไปจับจองที่ด้านบนกันหมด เราเลยหนีลงมานั่งดูวิวชิวๆ ที่ด้านล่าง ระหว่างนั่งดูวิวก็มีพนักงานเอาลูกอมมาแจกให้ด้วย อร่อยมาก( อร่อยจนไปตามหามากินบ้างแต่หาไม่เจอ T^T ) 






เรือกำลังจะออกแล้ว
สีสันของภูเขาสวยงามมาก
เริ่มมองเห็นฟูจิซังแล้ว
เป็นวิวที่สวยงามมาก

.
            หลังจากล่องเรือเสร็จ ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว ช่วงหน้าหนาวมืดเร็วจริงๆ เลยนั่งรถบัสกลับที่พัก ส่วนข้าวเย็นก็เข้าเซเว่นอีกเช่นเคย ของคาวหวานมีพร้อม ช่วงเย็นมีฝนตกอีกรอบ เลยกลับที่พักรีบนอนเพื่อลุยวันต่อไป

ร้านชีสเค้กนี้อร่อยดี
บรรยากาศยามเย็น
ได้เวลาไปพักผ่อน


------------------- จบการเดินทางในวันที่ 7 --------------------





วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2560

Kouen Sushi Bar ในวันที่อยากกินปลา(เนื้อสี)ส้ม



           อยู่ๆ ร่างกายก็ต้องการโปรตีนจากเนื้อปลา(สีส้มๆ) เลยทำการค้นหาร้านจากผู้รอบรู้ (Google) จนได้ร้าน Kouen Sushi Bar สาขา The Sense ปิ่นเกล้า ก่อนไปที่ร้านก็มีการสอบถามโปรโมชั่นต่างๆ ทาง Line ของทางร้าน (https://line.me/R/ti/p/%40kouensushibar)  ซึ่งได้รับคำตอบจากพนักงานที่ดูแลดีมากข้อมูลครบถ้วน  เรามาดูโปรโมชั่นกันดีกว่า

เฉพาะช่วงเวลา 11.00 - 16.00 น. วันจันทร์ ถึง ศุกร์ ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์


โปรโมชั่นทุกวัน


เมนูที่เพิ่มขึ้น ถ้าจ่ายเพิ่มขึ้น
เพิ่มเมนูชาบู
ราคานี้มีเบียร์ Asahi ให้ด้วยนะ

ร้านนี้เปิดทุกวัน เวลา 11.00 - 22.30 น. (ปิดรับออเดอร์ 21.45 น.)  พนักงานสาขานี้บริการดีมากค่ะ
บริเวณหน้าร้าน สาขา The Sense ปิ่นเกล้า
ได้โต๊ะนั่งแล้วเตรียมลุย!!!
ที่โต๊ะจะมีใบสำหรับสั่ง แนะนำว่าให้คนนึงดูภาพจากเล่มเมนู แล้วบอกเบอร์ให้เพื่อนติ๊ก (ครั่งนี้สั่งแบบ 899 บาท)
พนักงานจะเอาแก้วเปล่ามาให้ที่โต๊ะ แล้วเราก็ลุกมากดน้ำที่โซนนี้ (น้ำมะม่วงอร่อยมาก)
อาหารเซ็ตแรกมาถึงแล้ว
ซูชิแซลมอนเผาไฟ
ท้องปลาแซลมอนที่อร่อย จนน็อคติสต้องร้องขอ
หมูชาชู นิ่มมากกกก
ข้าวปั้นเนื้อแกะ ละลายในปาก
ยำแซลมอน
หัวปลาแซลมอนต้อมซีอิ้ว (หัวใหญ่มาก)
ไก่ทอด เมนูธรรมดาที่รสชาติไม่ธรรมดา
ข้าวหน้าปลาดิบคลุกหอม นุ่มละมุนลิ้น
แซลมอนย่างซีอิ้ว
หรือจะเลือกย่างแบบมิโซะ
กุ้งเทมปุระ กรุบกรอบ
ข้าวห่อสาหร่าย
แซลมอนสไปซี่
ไข่ตุ๋นเนื้อนุ่มๆ
ปลาไข่ย่าง
ผักโขมอบชีส (ชอบตรงมีโรยไข่ปลาด้วย) กินตอนร้อนๆ ชีสยืดเวอร์
ปลาเงินทอดกรอบ เคี้ยวเพลิน
ข้าวห่อสาหร่ายครีบปลาตาเดียว ชีส ปลาไหล
แซลมอนภูเขาไฟ
ปูอัด
ตบท้ายของคาวด้วย ถั่วแระ
มาๆ เดี๋ยวน็อคป้อนให้

ไอติมโฮมเมด อร่อยทุกรสเลย จัดไปคนเดียว 5 ถ้วย เบาๆ (แต่เราชอบฮอกไกโดคิดแคดชาเขียว)
แผนที่สำหรับเดินทางมาถล่มร้าน Kouen

           ที่ The Sense มีที่จอดรถค่อนข้างเยอะ (แต่ก็เต็มเร็ว) อาจจะจอดรถไว้ที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า แล้วเดิน(ออกกำลัง) มาที่ The Sense ก็ได้ ขากลับได้เดินย่อย ช็อปปิ้งต่อที่เซ็นทรัลเลย
           ร้านนี้ของที่ใช้คุณภาพดีมากเลย อร่อยแม้กระทั่งน้ำ (มีน้ำมะม่วง / ชาเขียวมะลิ / ชามะนาว) ตัวไอติมโฮมเมดก็อร่อยมากๆ ทั้ง 3 รสเลย  และขนาดว่านั่งจนหมดเวลาและเรียกคิดเงินแล้ว เรายังนั่งกินไอติมที่หยิบมา(เยอะมาก) ก็นั่งกินต่อจนหมด (อาจจะเพราะไม่มีคนรอคิวด้านนอกด้วย)  ถ้าใครมากันเป็นกลุ่มเยอะๆ ก็สามารถโทรมาจองโต๊ะไว้ก่อนได้ สาขา The Sense Pinklao 083-5597777, 094-4615777